นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

11 ตุลาคม 2565

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

MASS RAPID TRANSIT AUTHORITY OF THAILAND

รัฐวิสาหกิจภายใต้กำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

A STATE ENTERPRISE UNDER SUPERVISION OF MINISTER OF TRANSPORT

 

ประกาศการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

เรื่อง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

พ.ศ. 2565

 _____________________________

 

             การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตระหนักและให้ความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อและใช้บริการของ รฟม. จึงเป็นการสมควรกำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 

             ข้อ  1  หลักการสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

                      รฟม. จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยอยู่บนพื้นฐานหลักการสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

                      (1)  เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นธรรม และมีความโปร่งใส ต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Lawfulness, Fairness and Transparency)

                      (2) เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และจัดเก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน และตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น (Purpose Limitation) โดยจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดให้สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม

                      (3) เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย (Data Minimization)

                      (4) ข้อมูลส่วนบุคคลควรมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน โดยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องจะได้รับการปรับปรุงแก้ไข (Accuracy)

                      (5) ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Storage Limitation) เว้นแต่กรณีมีกฎหมายกำหนดไว้ต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้นานกว่าระยะเวลาเท่าที่จำเป็นดังกล่าว

                      (6) การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม รวมถึงมีการป้องกันการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและป้องกันการสูญหายโดยอุบัติเหตุ การถูกทำลาย หรือถูกทำให้เสียหาย (Integrity and Confidentiality)

               ข้อ  2  ขอบเขตการบังคับใช้

                      นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ มีขอบเขตการบังคับใช้ครอบคลุมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของ รฟม.

                      สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ใช้บังคับ รฟม. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม

               ข้อ  3  หลักการสำคัญในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

                      รฟม. จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยปฏิบัติตามหลักการสำคัญในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

                      (1)  ต้องแจ้งรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

                      (2)  ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม

                            (ก) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิจัย หรือสถิติ

                            (ข) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

                            (ค) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย

                            (ง) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา

                            (จ) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

                            (ฉ) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคล หรือบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 

                      (3) ไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว รวมถึงการเก็บรวบรวมข้อมูล
ส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้มีอำนาจกระทำแทนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยชัดแจ้ง หรือได้รับยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด

                      (4) ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการจัดเก็บรวบรวมไว้ให้กับบุคคลอื่น เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยทำหนังสือให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นลายลักษณ์อักษร หรือกรณีตามมาตรา 80 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540

              ข้อ  4  แนวทางในการกำกับดูแลและบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล

                      เพื่อยึดมั่นเป็นหลักการและใช้เป็นแนวทางในการกำกับดูแลและบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของ รฟม.

                      (1) บุคลากรของ รฟม. รวมถึงผู้ปฏิบัติงานให้ รฟม. ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นโยบาย ระเบียบ ข้อบังคับ คู่มือ หรือแนวปฏิบัติใด ๆ ของ รฟม. ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด

                      (2)  จัดให้มีการอบรมให้ความรู้ ส่งเสริมให้บุคลากรของ รฟม. ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และส่งเสริมให้มีการบริหารความเสี่ยงด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในทุกระดับขององค์กร รวมถึงจัดให้มีมาตรการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ

                      (3)  จัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตรวจสอบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ รฟม. ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงทำหน้าที่ประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

                      (4)  จัดให้มีการกำหนดวิธีการ ช่องทาง และผู้รับผิดชอบในการรับเรื่องร้องเรียน คำร้อง และดำเนินการใด ๆ รองรับการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อตรวจสอบและทำให้เจ้าของข้อมูลมั่นใจได้ว่า รฟม. ได้ดำเนินการตอบสนองต่อคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม โดยไม่ชักช้า และอยู่ภายในระยะเวลาที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีที่ รฟม. ปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รฟม. ต้องจัดทำบันทึกรายการการปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวพร้อมระบุเหตุผลไว้ด้วย

                      (5) จัดให้มีกระบวนการจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สามารถตรวจสอบได้ โดยต้องดำเนินการให้บันทึกรายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีความถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์อยู่เสมอ

                      (6)  จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของ รฟม. โดยมิชอบ รวมถึงจัดให้มีการทบทวนและตรวจสอบมาตรการดังกล่าว

                      (7)  จัดให้มีกระบวนการตรวจสอบการดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

                      (8)  กรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งหรือในนาม รฟม. นั้น รฟม. ต้องจัดให้มีสัญญาการเก็บรักษาข้อมูลไว้เป็นความลับ และ/หรือข้อตกลงระหว่างกัน เพื่อควบคุมการดำเนินงานตามหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และป้องกันมิให้ผู้ประมวลผล
ข้อมูลส่วนบุคคล ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบหรือเกินขอบเขตที่กำหนด

                      (9)  ทุกส่วนงานต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการแจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ชักช้าภายใน ๗๒ ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุ ทั้งนี้ รฟม. จะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบพร้อมแนวทางการเยียวยา ในกรณีที่การละเมิดนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

                     (10) ทุกส่วนงานต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อถูกร้องขอให้ส่งเอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อสนับสนุนการตรวจสอบและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

               ข้อ 5  ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นตันไป

  

                                                          ประกาศ    ณ    วันที่   31   พฤภาคม  พ.ศ. 2565     

 

 Download เอกสาร